STROKE AND MAGNETIC (สำหรับผู้ประกันตนและครอบครัวผู้ประกันตน)

฿8,900.00

หมดเขต 31 ธันวาคม 2568

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด อาคาร 3 ชั้น 4 โทร.0 2530 2556 ต่อ 3420,3421


แจ้งถึง !! กรณีการซื้อแพ็กเกจสุขภาพของโรงพยาบาลลาดพร้าว ผ่านทางระบบออนไลน์นั้นระบบยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ จึงมีความจำเป็นขอปิดระบบออกไปก่อน ขออภัยในความไม่สะดวก ณ โอกาสนี้

คำอธิบาย

» โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และการใช้คลื่นแม่เหล็ก (Magnetic)

  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
    • คือ โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกว่า “อัมพฤกษ์ อัมพาต” เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อสมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างกะทันหัน ทำให้เซลล์สมองเสียหายหรือตายลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสมองไม่ได้รับออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดอย่างเพียงพอ โรคนี้สามารถนำไปสู่ความเสียหายถาวรของสมอง ความพิการระยะยาว หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต

» ประเภทของโรคหลอดเลือดสมอง

  • โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) : เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด (ประมาณ 90%) เกิดจากการที่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการอุดตันจากลิ่มเลือดหรือไขมัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้
  • โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) : เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้มีเลือดไหลออกไปกดทับเนื้อสมองและทำลายเซลล์สมอง มักเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูง

» การตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก

  • การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แพทย์สามารถให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที และลดความเสียหายของสมองให้น้อยที่สุด โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัยคือ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI)
    • หลักการทำงานของ MRI: เครื่อง MRI ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูงและคลื่นวิทยุในการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูงของสมองและหลอดเลือดในสมอง MRI สามารถแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของหลอดเลือดและเนื้อเยื่อสมองได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการตรวจหาบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากภาวะสมองขาดเลือด
    • ประโยชน์ของ MRI ในการวินิจฉัย Stroke
      1. การแยกชนิดของ Stroke : MRI สามารถแยกความแตกต่างระหว่างโรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic Stroke) และโรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) ซึ่งจำเป็นต่อการเลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
      2. การระบุตำแหน่งและความรุนแรง : MRI สามารถระบุตำแหน่ง ขนาด และขอบเขตของความเสียหายในสมองได้อย่างละเอียด
      3. การตรวจหลอดเลือด : การทำ Magnetic Resonance Angiography (MRA) เป็นการตรวจพิเศษของ MRI ที่ใช้เพื่อสร้างภาพหลอดเลือดในสมอง เพื่อดูการอุดตัน การตีบแคบ หรือความผิดปกติอื่นๆ ของหลอดเลือด
      4. การประเมินเนื้อเยื่อสมองที่ยังสามารถรักษาได้ : MRI บางประเภท เช่น Diffusion-Weighted MRI (DWI) และ Perfusion MRI (MRP) สามารถช่วยประเมินพื้นที่สมองที่ยังมีโอกาสรอดจากภาวะขาดเลือด (Penumbra) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจว่าจะให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือไม่

» การรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ด้วยคลื่นแม่เหล็ก

  • นอกจากใช้ในการวินิจฉัยแล้ว เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กก็กำลังได้รับการศึกษาและพัฒนาเพื่อใช้ในการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วยเช่นกัน เช่น:
    • การกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบซ้ำ (Repetitive Transcranial Magnetic Stimulation หรือ rTMS) : เป็นเทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองที่ได้รับผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมอง
    • การกระตุ้นปลายประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็ก (Peripheral Magnetic Stimulation หรือ PMS) : เป็นเครื่องที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูงเพื่อกระตุ้นเส้นประสาทส่วนปลายและกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงในผู้ป่วย ทำให้กล้ามเนื้อมีการหดตัวและช่วยป้องกันกล้ามเนื้อลีบจากการไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อได้ด้วย

แพ็กเกจ :STROKE AND MAGNETIC (สำหรับผู้ประกันตนและครอบครัวผู้ประกันตน)

ลำดับที่ PREMIUM ราคา (บาท)
1 รักษาด้วยเครื่อง Magnetic Stimulation (1 จุด) : 7 ครั้ง
2 รักษาด้วยการฝึกออกกำลังกายและฝึกเดิน 1 ชม. : 7 ครั้ง
3 Total Direct Material Cost-OPD
8,900.-

เงื่อนไขการเข้ารับบริการ

  • ราคาแพ็กเกจแบบเหมาจ่าย รวมค่ารายการตรวจตามที่กำหนด ค่าบริการพยาบาล ค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
  • ราคาแพ็กเกจแบบเหมาจ่าย สำหรับผู้ประกันตนโรงพยาบาลลาดพร้าวเท่านั้น

หมดเขต 31 ธันวาคม 2568

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด อาคาร 3 ชั้น 4 โทร.0 2530 2556 ต่อ 3420,3421