6 โรคสำคัญในเด็กเล็กนี้สามารถป้องกันได้ ดังนี้
- โดยการฉีดวัคซีนมีผลการวิจัยถึงภูมิคุ้มกันว่าสามารถป้องกันได้ และมีความปลอดภัย
1) โรคคอตีบ
- โรคร้ายที่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้อันตรายถึงชีวิต
อาการโรคคอตีบ
- ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ต่ำ และมีอาการคล้ายหวัดในระยะแรก
- ผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหาร
- ผู้ป่วยที่มีอาการไอเสียงดังก้อง
- ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ
- ผู้ป่วยที่มีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
- ผู้ป่วยที่มีอาการบริเวณทอนซิล , ช่องคอ , โพรงจมูก , กล่องเสียง
- กรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงที่จะเกิดการตีบตันของทางหายใจ ซึ่งทำให้หายใจล้มเหลว และเสียชีวิต
การป้องกันโรคคอตีบ
- กรณีเกิดขึ้นในเด็กเล็กต้องให้วัคซีนโรคคอตีบ จำนวน 5 ครั้ง (ตั้งแต่อายุ 2-18 เดือน ควรกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4 ขวบ)
- กรณีผู้ที่มีอายุ 20-50 ปี (ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ และบาดทะยัก)
- กรณีนี้สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการมาพบแพทย์ (ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะอาจไม่ตรงกับเชื้อโรค และอาจทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น)
2) โรคบาดทะยัก
- เกิดจากเชื้อโรคที่อยู่ในดิน หรือสถานที่ และสิ่งของสกปรกเข้าสู่ร่างกายบาดแผล
การรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจากโรคบาดทะยัก
- ผู้ป่วยที่เป็นแผลสดที่ไม่สะอาด
- ผู้ป่วยที่เป็นแผลจากตะปูตำ , เข็มตำ , กิ่งไม้ตำ หรือของบาดคม
- ผู้ป่วยที่เป็นแผลเรื้อรังที่มีเนื้อตาย หรือแผลลึกที่ออกซิเจนเข้าไม่ถึง ได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นแผลเบาหวาน , ผู้ป่วยที่เป็นแผลหูชั้นกลางอักเสบ
- ผู้ป่วยที่เป็นแผลไฟไหม้
- ผู้ป่วยที่เป็นแผลถูกสัตว์กัด เช่น สุนัก , แมว , ค้างควา , หนู เป็นต้น
- ผู้ป่วยที่เป็นแผลเข้าผ่านทางสายสะดือ
การป้องกันโรคบาดทะยัก
- ควรฉีดวัคซีนตามกำหนดทุก 10 ปี
- ควรคำความสะอาดแผลให้สะอาด
- ควรปิดผ้าก๊อซที่แผลวันละครั้ง หรือเมื่อปนเปื้อนมาก
- ควรใช้ยาปฏิชีวะนะอย่างเหมาะสม
อาการโรคบาดทะยัก
- ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อเกร็งทั่วร่างกาย
- ผู้ป่วยที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
- ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- ผู้ป่วยที่มีอาการกลืนน้ำลายลำบาก
- ผู้ป่วยที่มีอาการปวดกราม
- ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะ
- ผู้ป่วยที่มีอาการไข้
- ผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง
- ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นเร็ว
3) โรคโปลิโอ
- เกิดจากการติดเชื้อ (Poliovirus) เด็กไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอตามกำหนด เป็นแล้วยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้
อาการโรคโปลิโอ
- ผู้ป่วยมีอาการอักเสบไขสันหลังอัมพาต และอาจเสียชีวิต
อาการติดต่อโรคโปลิโอ
- ผู้ป่วยมีอาการติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งผ่านการรักประทานอาหาร หรือน้ำที่ทีการปนเปื้อนติดเชื้อ
การป้องกันโรคโปลิโอ
- ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนตามกำหนด
- ทางโรงพยาบาลแนะนำให้เด็กทุกคนตัองเข้ารับวัคซีนในช่วงอายุ 2-18 เดือน และช่วง 4 ปี
4) โรคตับอักเสบบี
- การเกิดจากเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อทางเลือด , น้ำลาย , สารคัดหลั่ง หรือจากมารดาที่เป็นพาหะสู่ทารกไวรัสตับอักเสบบี
การติดต่อโรคตับอักเสบบี
- กรณีที่ผู้ป่วยที่สัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
- กรณีใช้เข็มฉีดยา หรือเข็มเจาะสักร่วมกัน
- กรณีเชื้อติดต่อจากแม่สู่ลูก และการมีเพศสัมพันธ์
อาการโรคตับอักเสบบี
- ผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนเพลีย
- ผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหาร
- ผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้
- ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน
- ผู้ป่วยที่มีอาการแน่นชายโครงขวา
- ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะสีเข้ม
- ผู้ป่วยที่มีอาการตาเหลือง
การป้องกันโรคตับอักเสบบี
- ควรตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี
- ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี
- ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ที่เป็นสาเหตุของตับอักเสบ (ซึ่งทำให้เกิดโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในอนาคต)
5) โรคไอกรน
- การติดต่อโดยการไอ , จาม โดยตรง ซึ่งพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือทารกตั้งแต่เดือนแรก
อาการโรคไอกรน
- ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายเป็นหวัด , ไอแห้ง ยาวนาน กว่า 10 วัน
- ผู้ป่วยที่มีอาการไอถี่ๆ ติดต่อกัน 5-10 ครั้ง
- ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจเข้าอย่างแรงจนเกิดเสียงวู้บ
- ผู้ป่วยที่มีอาการตาแดง
- ผู้ป่วยที่มีอาการมีน้ำมูกเด็กเล็กอาจหายใจไม่ทันจนทำให้หน้าเขียวได้
การรักษาโรคไอกรน
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำอุ่น
- ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อเวลาไอ หรือจาม
- ควรหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน
- ควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ไอมากขึ้น เช่น การออกแรง , ฝุ่นละออง
- หาเกิดการไอ หรือมีอาการติดต่อกันเกืน 10 วัน หรือไม่ติดกันเป็นชุด ควรรีบไปพบแพทย์
การป้องกันโรคไอกรน
- การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี จำนวน 4-5 ครั้ง
- ครั้งที่ 1 (เริ่มเมื่ออายุ 2 เดือน)
- ครั้งที่ 2 (เริ่มเมื่ออายุ 6 เดือน)
- ครั้งที่ 3 (เริ่มเมื่ออายุ 6 เดือน)
- ครั้งที่ 4 (เริ่มเมื่ออายุ 18 เดือน)
- ครั้งที่ 5 (ฉีดวัคซีนกระตุ้นเมื่ออายุ 4 ปี)
6) โรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบจากโรคฮิบ
- เกิดจากเชื้อแบททีเรียติดต่อกันทางการสัมผัสใกล้ชิน เช่น การไอ , การจาม เป็นต้น
การฉีดวัคซีนพื้นฐานที่เด็กต้องฉีด
- วัคซีนป้องกันคอตีบ
- วัคซีนป้องกันไอกรน
- วัคซีนป้องกันเชื้อบาดทะยัก
- วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี
รู้จักกับเชื้อฮิบ (HIB)
- HIB (Haemo- philus influenzaetype B) เป็นเชื้อแบคที่เรีย
- ติดต่อง่าย โดยการสัมผัส
- ทำให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น มีอาการปวด , มีอาการบวม , มีอาการกล่องเสียงอักเสบ , ผิวหนังอังเสบ , ข้ออักเสบ และโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบ
- เกิดกับเด็กวัยแรกเกิดถึงอายุ 5 ขวบ
อาการของโรคฮิบ
- ผู้ป่วยที่มีอาการจะออกภายใน 3-4 ชั่วโมง จนถึง 2 วัน
- ผู้ป่วยที่มีอาการเป็นโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบชนิดรุนแรง
- ผู้ป่วยที่มีอาการเป็นไข้หงุดหงิด , งอแง
- ผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อมาถึงประสาทส่วนกลางจะมีอาการปวดศีรษะ , มีอาการชัก , มีอาการคอแข็ง , มีอาการกระหม่องโป่ง
- ผู้ป่วยที่มีอาการผู้ป่วยที่มีอาการ
กรณีที่เด็กรอดชีวิต (ในบางรายเด็กรอดชีวิตอาจจะมีอาการ)
- ผู้ป่วยที่มีอาการชักเรื้อรัง
- ผู้ป่วยที่มีอาการหูหนวก
- ผู้ป่วยที่มีอาการอัมพาด
- ผู้ป่วยที่มีอาการปัญญาอ่อน
การป้องกันโรคฮิบ
- ควรฉีดวัคซีนป้องกันได้ 100
- ควรฉีดตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป
- ควรฉีดทั้งหมด 3 เข็ม
- ควรฉีดตั้งแต่อายุ 2-6 เดือน เป็นต้น
อาการข้างเคียงของโรคฮิบ
- ผู้ป่วยที่มีอาการบวด , บวม , แด
- ผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง
- ผู้ป่วยที่มีอาการผื่นคัน
- ผู้ป่วยที่มีอาการหงุดหงิดง่าย
เรียบเรียง โดย ดร.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
အသေးစိတ်အချက်အလက်များကို တွင် မေးမြန်းနိုင်ပါသည်။
- ศูนย์กุมารเวชกรรม (อาคาร 2) ชั้น 2 โทร.02-530-2556 ต่อ 2200,2201