ความรู้ : 6 โรคสำคัญในเด็กเล็ก

  • ความรู้ : 6 โรคสำคัญในเด็กเล็ก

  • 6 โรคสำคัญในเด็กเล็กนี้สามารถป้องกันได้ โดยการฉีดวัคซีนมีผลการวิจัยถึงภูมิคุ้มกันว่าสามารถป้องกันได้ และมีความปลอดภัย

    1)โรคคอตีบ คือ โรคร้ายที่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้อันตรายถึงชีวิต

    • อาการ
      • มีอาการไข้ต่ำๆ อาการคล้ายหวัดในระยะแรก
      • มีอาการเบื่ออาหาร
      • มีอาการไอเสียงดังก้อง
      • มีอาการเจ็บคอ
      • อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ตคอโต
      • มีแผ่นเยื่อสีขาวปนเทาติดแน่นอยู่บริเวณทอนซิล , ช่องคอ , โพรงจมูก , กล่องเสียง
      • หากมีอาการรุนแรงจะเกิดการตีบตันของทางเดินหายใจทำให้หายใจล้มเหลว และเสียชีวิต
    • การรักษา
      • หากพบผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคคอตีบให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
      • แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้รับประทานนาน 14 วัน ซึ่งสามารถหยุดการแพร่เชื้อโรคได้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่มให้ยา
      • บางรายอาจได้รับยาทำลายพิษของเชื้อโรคคอตีบร่วมด้วย
      • ในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจต้องเจาะคอ เพื่อช่วยหายใจ
    • การป้องกัน
      • ในเด็กเล็กต้องให้วัคซีนโรคคอตีบ 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2 , 4 , 6 และ 18 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งเมื่อ 4 ขวบ
      • ผู้ที่มีอายุ 20-50 ปี ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ และบาดทะยัก
      • โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการมาพบแพทย์ ห้ามชื้อยารับประทานเอง เพราะอาจไม่ตรงกับเชื้อโรค และอาจทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น

    2)โรคบาดทะยัก คือ เกิดจากเชื้อโรคที่อยู่ในดิน หรือสถานที่ และสิ่งของสกปรกเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล

    • การรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
      • แผลสดที่ไม่สะอาด
      • แผลจากตะปูตำ , เข็มตำ , กิ่งไม้ตำ หรือของมีคมบาด
      • แผลเรื้อรังที่มีเนื้อตาย หรือแผลลลึกที่ออกซิเจนเข้าไม่ถึง ได้แก่ แผลเบาหวาน , หูชั้นกลางอักเสบ
      • แผลไฟไหม้
      • ถูกสัตว์กัด เช่น สุนัข , แมว , ค้างควา , หนู
      • เข้าผ่านทางสายสะดือ
    • การป้องกัน
      • ฉีดวัคซีนตามกำหนดทุก 10 ปี
      • ทำความสะอาดแผลให้สะอาด
      • ปิดผ้าก๊อซที่แผลให้สะอาด
      • เปลี่ยนผ้าพันแผลวันละครั้ง หรือเมื่อปนเปื้อนมาก
      • ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม
    • อาการ
      • มีอาการกล้ามเนื้อเกร็งทั่วร่างกาย
      • มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
      • มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก
      • มีอาการกลืนน้ำลายลำบาก
      • มีอาการปวดกราม
      • มีอาการปวดศีรษะ
      • มีอาการไข้
      • มีอาการความดันโลหิตสูง
      • มีอาการหัวใจเ้นเร็ว

    3)โรคโปลิโอ คือ เกิดจากการติดเชื้อ (Poliovirus) เด็กไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอตามกำหนด เป็นแล้วยังไม่มียารักษาให้หายขาด

    • อาการ
      • ทำให้เกิดอาการอักเสบของไขสันหลังอัมพาต และอาจเสียชีวิต
    • อาการการติดต่อ
      • เป็นการติดต่อจากคนสู่คน ผ่านการรับประทานอาหาร หรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อ
    • วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคโปลิโอ
      • ผู้ปกครองควรพาบุตรหลาน เข้ารับวัคซีนตามกำหนด
      • แนะนำให้เด็กทุกคนต้องรับวัคซีนในช่วงอายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 18 เดือน และ 4 ปี

    4)โรคตับอักเสบบี คือ เกิดจากเชื้อไวรัสสามารถติดต่อทางเลือด , น้ำลาย , สารคัดหลั่ง หรือจากมารดาที่เป็นพาหะสู่ทารกไวรัสตับอักเสบบี

    • การติดต่อ
      • สัมผัสเลือด หรืสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
      • การใช้เข็มฉีดยา หรือเข็มเจาะสักร่วมกัน
      • ติดต่อจากแม่สู่ลูก และการมีเพศสัมพันธ์
    • อาการ
      • มีอาการอ่อนเพลีย
      • มีอาการเบื่ออาหาร
      • มีอาการคลื่นไส้
      • มีอาการอาเจียน
      • มีอาการจุกแน่นชายโครงขวา
      • มีอาการปัสสาวะเข้ม
      • มีอาการตาเหลือง
    • การป้องกัน
      • ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี
      • ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี
      • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
      • เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี เป็นสาเหตุของตับอักเสบ (ทำให้เกิดโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในอนาคต)

    5)โรคไอกรน คือ การติดต่อโดยการไอ , จาม โดยตรงพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือทารกตั้งแต่เดือนแรก

    • อาการ
      • มีอาการคล้ายเป็นกวัดไอแห้งๆ ยาวนาน กว่า 10 วัน
      • มีอาการไอถี่ๆ ติดต่อกัน 5-10 ครั้ง
      • มีอาการหายใจเข้าอย่างแรงจนเกิดเสียงวู้บ
      • มีอาการตาแดง
      • มีน้ำมูกเด็กเล็กอาจหายใจไม่ทันจนหน้าเขียวได้
    • การรักษา
      • การพักผ่อนให้เพียงพอ , ดื่มน้ำอุ่น
      • สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเวลาไอ หรือจาม
      • หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน
      • หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ไอมากขึ้น เช่น การออกแรง , ฝุ่นละออง ฯ
      • หากไอ หรือมีอาการติดต่อกันเกิน 10 วัน หรือไม่ติดกันเป็นชุด ควรรีบไปพบแพทย์
    • การป้องกัน
      • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี จำนวน 4-5 ครั้ง
      • ครั้งที่ 1 (เริ่มเมื่ออายุ 2 เดือน)
      • ครั้งที่ 2 (เริ่มเมื่ออายุ 6 เดือน)
      • ครั้งที่ 3 (เริ่มเมื่ออายุ 6 เดือน)
      • ครั้งที่ 4 (เริ่มเมื่ออายุ 18 เดือน)
      • ครั้งที่ 5 (ฉีดวัคซีนกระตุ้นเมื่ออายุ 4 ปี)

    6)โรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบจากโรคฮิบ คือ เกิดจากเชื้อแบททีเรียติดต่อทางการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การไอ , การจาม เป็นต้น

    • การฉีดวัคซีนพื้นฐานที่เด็กต้องฉีด
      • วัคซีนป้องกันคอตีบ
      • วัคซีนป้องกันไอกรน
      • วัคซีนป้องกันเชื้อบาดทะยัก
      • วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี
    • รู้จักกัลเชื้อฮิบ (HIB)
      • HIB (Haemo- philus influenzaetype B) เป็นเชื้อแบคที่เรีย
      • ติดต่อง่าย โดยการสัมผัส
      • ทำให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น มีอาการปวด , มีอาการบวม , มีอาการกล่องเสียงอักเสบ , ผิวหนังอังเสบ , ข้ออักเสบ และโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบ
      • เกิดกับเด็กวัยแรกเกิดถึงอายุ 5 ขวบ
    • อาการ
      • อาการจะออกภายใน 3-4 ชั่วโมง จนถึง 2 วัน
      • เป็นโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบชนิดรุนแรง
      • เป็นไข้หงุดหงิด , งอแง
      • เมื่อเชื้อมาถึงประสาทส่วนกลางจะมีอาการปวดศีรษะ , มีอาการชัก , มีอาการคอแข็ง , มีอาการกระหม่องโป่ง
      • ในเด็กเล็กมีอันตรายถึงชีวิต
    • กรณีที่เด็กรอกดชีวิต (ในบางรายเด็กรอดชีวิตอาจจะมีอาการ)
      • มีอาการชักเรื้อรัง
      • มีอาการหูหนวก
      • มีอาการตาบอด
      • มีอาการอัมพาด
      • มีอาการปัญญาอ่อน
    • วิธีป้องกัน
      • ฉีดวัคซีนป้องกันได้ 100%
      • ฉีดตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป
      • ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม
      • ฉีดตั้งแต่อายุ 2 เดือน , 4 เดือน , 6 เดือน เป็นต้น
    • อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน
      • มีอาการบวด , บวม , แดง
      • มีอาการไข้สูง
      • มีอาการผื่นคัน
      • มีอาการหงุดหงิดง่าย

    เรียบเรียง โดย ดร.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา


    สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

    • ศูนย์กุมารเวชกรรม (อาคาร 2) ชั้น 2 โทร.02-530-2556 ต่อ 2200,2201