6 โรคในฤดูร้อน ที่ป้องกันได้

  • 6 โรคในฤดูร้อน ที่ป้องกันได้

  • 6 โรคในฤดูร้อน ที่ป้องกันได้

    – ฤดูร้อน : อากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง จะเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย พื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำดื่มที่ไม่สะอาด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่เกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เราควรระมัดระวังความสะอาดของอาหาร และน้ำดื่มเป็นพิเศษ โดยการทานอาหารร้อนที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ใช้ช้อนกลางล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหาร หลังใช้ห้องใช้ห้องน้ำ และดื่มน้ำที่สะอาด

    – ป้องกันโรค 6 โรคในฤดูร้อน ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด โรคไข้ไทฟอยด์ โรคอหิวาตกโรค และโรคพิษสุนัขบ้า เราควรระมัดระวังเรื่องความสะอาดของอาหาร น้ำแข็ง น้ำดื่ม น้ำประปา ตลาดสด และห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ

    – สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการป่วยมักมาจากน้ำดื่ม อาหารที่ไม่สะอาด และอาหารเสียง่าย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร และโรคพิษสุนัขบ้า

    ฤดูร้อนนี้ มีโรคที่ต้องระมัดระวังดังนี้

    1) โรคอุจจาระร่วง

    – สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายประเภททั้งแบคทีเรีย ไวรัส และกลุ่มเชื้อโปรโตซัว ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่มีโอกาสบูดได้ง่ายในอากาศที่ร้อนจัด และเมื่อรวมกับสุขอนามัยที่ไม่สะอาดแล้ว สามารถเกิดการเจ็บป่วยของโรคอุจจาระร่วงในหน้าร้อนที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชน เชื้อแบคทีเรียบางชนิดเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง มีอาการขาดน้ำ สูญเสยเกลือแร่ หากอาการไม่รุนแรงก็สามารถให้การรักษาเบื้องต้นได้เองด้วงผงเกลือแร่ผสมน้ำดื่ม แต่ไม่แนะนำให้ซื้อยาปฏิชีวนะมาทานเอง ควรปรึกษาแพทย์

    2) โรคอาหารเป็นพิษ

    – จัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งพบได้มากในช่วงหน้าร้อน สาเหตุสำคัญเกิดจากการทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของสารพิษที่เกิดจากเชื้อบิด เชื้อสเตปฟีโลคอกคัส และเชื้อบาซิลลัส ซึ่งมักเป็นสารที่ทนต่อความร้อน พบบ่อยในอาหารประเภทใส้กรอก กุนเชียง ข้าวผัดต่าง ๆ ซึ่งทานอาหารที่สุกร้อนแล้ว แต่หากส่วนผสมก่อนนำมาปรุงอาหารเกิดบูดเสียก่อน ก็จะเกิดอาการเป็นพิษได้ เช่นคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ หรือปวดเมื่อย อ่อนเพลีย จนถึงท้องร่วงจากสารพิษที่ทนความร้อน

    3) โรคบิด

    – เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทาน เช่น การรับประทานอาหาร การรับประทานน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค การรับประทานอาหารดิบ ๆ สุก ๆ หรืออาหารที่มีแมลงวันตอม ดังนั้นไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ เพศวัยใดก็สามารถเป็น โรคบิด ได้ทั้งนั้น โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดบิดในท้อง ต่อมาจะเริ่มไข้ขึ้น และถ่ายเหลว รวมถึงอาจปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาการท้องเดินเป็นบิด จะหายได้เองภายใน 5 – 7 วัน คนที่ไม่ได้ทานยา แต่บางรายก็อาจมีอาการกลับมาใหม่ได้อีก

    4) โรคไข้ไทฟอยด์

    ไข้รากสาดน้อย เชื้อปนเปื้อนมาเหมือนกับโรคอื่น ๆ อาหารส่วนใหญ่ที่มักพบว่าทำให้เกิดโรค ได้แก่ ผลิดภัณฑ์จากนม หอย ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ น้ำ ผู้ป่วยโรคนี้ สัปดาห์แรกไข้มักไม่สูง อาจมีอาการปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการหนาวสั้นได้ ซึมลงและมีอาการเพ้อ

    5) โรคอหวาตกโรค

    – เป็นโรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย เข้าสู่ร่างกายโดยทางอาหาร และน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน เชื้อจะสร้างพิษอกมาทำปฏิกิริยากับเยื้อบุผนังลำไส้เล็ก ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง อุจจาระเป็นสีน้ำซาวข้าว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้ในฤดูร้อนนี้ควรเลือกทานอาหาร และน้ำที่สุกสะอาด อาหารไม่บูด หรือเสียก่อนนำมาปรุง อาหารที่ต้องการความสด เช่น อาหารทะเล ควรระมัดระวังการปนเปื้อนน้ำยาฟอร์มาลิน หากไม่แน่ใจไม่ควรซื้อมารับประทาน งดเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะยิ่งอากาศร้อนมาก การดูดซึมแอลกอฮอล์จะสูง ร่างกายจะสามารถซึมขึ้น ปัสสาวะบ่อย ขาดน้ำ และน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำได้ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำ 6 – 8 แก้วต่อวันเพื่อสุขภาพที่ดีต่อไป

    6) โรคที่เกิดจากสัตว์เลี้ยง

    – อาจทำให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ทุกปี โดยมีพาหะหลักจากสุนัข แมว ที่นำเชื้อไวรัสเรบี่ส์ ซึ่งอาจกัด ข่วน หรือเลียผิวหหนังคนมีแผล ที่สำคัญเชื้อไวรัสเรบี่ส์นี้ เมื่อปรากฏอาการของโรค จะเสียชีวิตทุกราย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และคนรอบข้าง และลดความเสี่ยงจากการถูกสุนัขกัด หรือโดนทำร้าย

    สามารถป้องกันได้ 5 ข้อ ดังนี้

    – อย่าแหย่ให้สุนัข หรือสัตว์ต่าง ๆ โกรธ

    – อย่าเหยียบ หาง หัว ตัว ขา ทำให้สุนัข หรือสัตว์ตกใจง่าย ๆ กำลังกินอาหาร

    – อย่าแยกสุนัข หรือสัตว์ต่าง ๆ ที่กำลังกัดกัน ด้วยมือเปล่า

    – อย่ายุ่ง หรือเข้าใกล้สุนัข หรือสัตว์ต่าง ๆ ที่ไม่รู้จักหรือไม่มีเจ้าของ

    กรณีถูกสุนัขกัด

    – ต้องปฏิบัติตนอย่างถูกต้องโดยล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำ และสบู่ กักสัตว์ไว้ดูอาการ 10 วัน ไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ถูกต้อง

     

     


    สามารถสอบถามเพื่อเติมได้ที่

    ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (อาคาร 3 ) ชั้น 3โทร : 02-530-2556 ต่อ 3300,3301