ศูนย์ไตเทียม

ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลลาดพร้าว

 

 

ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลลาดพร้าว

– ให้การดูแลผู้ป่วยโรคไตทั้งแบบเรื้อรัง และเฉียบพลัน

– ให้บริการฟอกเลือดประจำ การรักษาโดยใช้เครื่องทำงานทดแทนไต

– ให้บริการดึงน้ำออกจากร่างกายผู้ป่วยที่มีน้ำคั่งมากเกิน การฟอกเลือดสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก การผ่าตัดเชื่อมต่อเส้นเลือดดำ และแดง หรือใส่ท่อชั่วคราวเพื่อใช้ในการฟอกเลือด การผ่าตัดเปลี่ยนไต โดยศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการ

– ศูนย์ไตเทียม มีระบบการฆ่าเชื้อ แลพการควบคุมการติดเชื้อที่ได้มาตรฐาน ห้องผู้ป่วยฟอกเลือดบริการอย่างใกล้ชิด โดยพยาบาลวิชาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษภายใต้การควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไต

– โรงพยาบาลให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวก ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายสะอาด และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคไตวาย กับการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม

ภาวะไตวาย

– สภาวะที่ไตทำงานลดลงจากสาเหตุต่าง ๆ ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับของเสียในร่างกายออกมาในปัสสาวะได้ตามปกติ เป็นผลให้เกิดการคั่งค้างของเสียในร่างกาย

อาการไตวายแบ่งเได้เป็น 2 ชนิด คือ

– อาการไตวาย : ที่เกิดขึ้นเฉียบพลันถ้าสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะไตวายได้รับการแก้ไขไต มักจะกลับมาทำงานเป็นปกติในเวลา 2 – 4 สัปดาห์ ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยจำเป็นต้องรับการรักษา ด้วยการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ก็มักจะเป็นการรักษาชั่วคราว จนกว่าไตจะฟื้นตัว

– อาการไตวายชนิดเรื้อรัง : ต้องฟอกเลือดสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้งตลอดไป เพื่อทำให้อาการปฏิบัติตัวทั่วไป สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดด้อยเครื่องไตเทียม

การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

– การกรองของเสียออกจากเลือด โดยใช้เครื่องไตเทียม หรืออาจเรียกว่า “เครื่องฟอกเลือดด” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำหน้าที่ทดแทนไต โดยใช้ตัวกรองช่วยทำให้เลือดสะอาด และช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนของเสียเกลือแร่ระหว่างเลือด

– โดยใช้เวลาครั้งละ 4 – 5 ชั่วโมงสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ถึงแม้จะมีเครื่องมือที่ช่วยทดแทนไตได้แต่ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ของไตได้ทั้งหมด เพราะไตคนปกติทำงานตลอดเวลาไม่หยุดแต่ผู้ป่วยฟอกเลือดสัปดาห์ ละ 8 – 10 ชั่วโมงเท่านั้น

– นอกจากนั้นไตยังทำหน้าที่อื่น ๆ เช่น การสร้างฮอร์โมนซึ่งไม่สามารถทดแทนด้วยการฟอกเลือดดังนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาร่วมด้วยผู้ป่วยจึงควรเข้าใจการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ประโยชน์ที่ได้รับจากเครื่องไตเทียม

– อาการอันเกิดจากการคั่งของเกลือ และของน้ำ ได้แก่ อาการบวม , อาการหอบ , อาการเหนื่อย , นอนราบไม่ได้ , ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นต้น ภายใน 1 – 2 วัน ความดันโลหิตที่สูงอยู่ก่อนจะลดลง และควบคุม ได้ง่ายขึ้น

– ส่วนอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ได้แก่ มีอาการมึนงง , มีอาการสับสน , ไม่มีสติ , มีอาการกระตุก หรือชัก เป็นต้น

– รวมทั้งอาการของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ อาการคลื่นไส้ , อาการอาเจียน , อาการเบื่ออาหาร เป็นต้น

– สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ ภายใน 2 – 4 สัปดาห์

– ทั้งนี้ขึ้นกับอาการ และอายุ โรคประจำตัวอื่น ๆ ของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการรักษา

การปฏิบัติตัวก่อนการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทีย

– ผู้ป่วยควรไปฟอกเลือดตรงตามเวลานัดหมาย

– ควรชั่งน้ำหนักตัวก่อนฟอกเลือด และควรทำความสะอาดแขนข้างที่มีการต่อเส้นเลือด

– เมื่อพบแพทย์ หรือพยาบาล ต้องบอกอาการผิดปกติทุกอย่างหลังกลับจากการฟอกเลือดครั้งที่แล้วให้แพทย์ทราบก่อนทำการฟอกเลือด เช่น มีไข้ , แน่นหน้าอก , เหนื่อยหอบ , นอนราบไม่ได้ , หกล้ม มีบาดแผล

– นอกจากนี้สิ่งที่จำเป็นต้องบอกพยาบาลก่อนต่อวงจรไตเทียม ได้แก่ มีเลือดออกตามไรฟัน หรือมีเลือดกำเดาไหล หรือไม่ การไปถอนฟัน , การมีประจำเดือน , บาดแผลเลือดออก เพราะพยาบาลจะลดขนาดสารกันเลือดแข็งตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันการมีเลือดออกเพิ่มขึ้น

การฟอกเลือดทำอย่างไร ?

– เริ่มต้นโดยแทงเข็มเข้าสู่เส้นเลือดพิเศษที่ต้องผ่าตัดเตรียมไว้ก่อน ส่วนใหญ่นิยมใช้เส้นเลือดที่บริเวณแขน หลังจากที่ได้แทงเข็มเรียบร้อย แล้วจึงต่อเข้ากับสายส่งเลือด เพื่อนำเลือดไปยังตัวกรอง

– เมื่อเลือดผ่านไปยังตัวกรอง เลือดของผู้ป่วยจะมีการแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ กับน้ำยาชนิดพิเศษที่เรียกว่าน้ำยาล้างไต

– หลังจากที่เลือดได้ผ่านการทำให้สะอาดแล้ว รวมทั้งมีการปรับให้แร่ธาตุต่าง ๆ สมดุลแล้ว เครื่องจะนำเลือดที่ดีกลับเข้าสู่ผู้ป่วยมีความเข้มข้น ของบรรดาของเสียต่าง ๆ ลดลง

– โดยทั่วไปกระบวนการฟอกเลือดใช้เวลาครั้งละ 4 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง เนื่องจากต้องใช้เครื่องไตเทียมในการฟอกเลือดทุกครั้งจึงต้องทำที่โรงพยาบาล หรือศูนย์ไตเทียม โดยมีพยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด

– หลังการฟอกเลือด พยาบาลจะใช้ผ้าก๊อส ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อโรค กดเลือดบริเวณที่นำเข็มออกจนหยุด

– ผู้ป่วยบางรายอาจกดได้เอง ไม่ควรกดแรงเกินไป เมื่อปิดแผลหลังเลือดหยุด

– ผู้ป่วยควรใช้นิ้วแตะประคองต่อไปอีก 30 นาที เพื่อให้เลือดหยุดสนิท ไม่โดนน้ำ และเปิดพลาสติกออกก่อน 24 ชั่วโมง

– เพราะอาจเกิดการติดเชื้อโรคได้ ผู้ป่วยควรมีเบอร์โทรศัพท์ของห้องไตเทียม

– เพราะหากมีความจำเป็น หรือปัญหาในวันที่ไม่ได้ทำการฟอกเลือด จะติดต่อสอบถามเพื่อให้ได้รับคำชี้แจงที่ถูกต้อง

การปฏิบัติตัวในการรับประทานยา

– รับประทานยาให้ครบทุกชนิดอย่างเคร่งครัด และตรงตามเวลาที่แพทย์สั่ง

– ไม่เปลี่ยนขนาด หรือซื้อยารับประทานเอง พยายามรู้จักชื่อยาทุกตัวที่แพทย์สั่ง และความสำคัญของการกินยาตรงเวลา

– เพื่อประสิทธิภาพของการดูดซึมยานั้น ยาลดความดันโลหิต ให้กินยาตรงเวลาเสมอ แม้มื้อใดไม่กินอาหาร ก็ต้องกินยาลดความดันโลหิต

– หากลืมกินยาอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ ผู้ป่วยบางคน แพทย์อาจสั่งให้งดยาลดความดันโลหิต มื้อก่อนทำการฟอกเลือด

– ในกรณีมีความดันโลหิตต่ำ ระหว่างการฟอกเลือด ผู้ป่วยไม่ควรทำตามกันโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะผู้ป่วยแต่ละรายจะต่างกัน

– ปัญหาจำนวนมากที่เกิดขึ้นจากการรับประทานยา เป็นปัญหาเฉพาะราย ยาเพิ่มธาตุเหล็ก ควรรับประทานเวลาท้องว่าง คือ หลังอาหาร 2 ชั่วโมง หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ยาจับฟอสเฟต ได้แก่ แคลเซียมอะซิเตท (Calcium acetate) ควรรับประทานพร้อมอาหาร

การรักษาโรคไตวายด้วยเครื่องไตเทียม

– นอกจากจะใช้ยาร่วมด้วยแล้ว การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องของผู้ป่วย และเรื่องอาหารถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก

– ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงมากนัก ถ้ารู้สึกเหนื่อยมาก หรือใจสั่น ควรหยุดพักทันที และที่สำคัญต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

– ผู้ป่วยไม่ควรเพิ่ม ลด หยุดยา หรือไปซื้อยารับประทานเองเพราะอาจทำให้ไตเสื่อมสมรรถภาพเร็วกว่าที่ควร และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้


สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ไตเทียม (อาคาร 2) ชั้น 3 โทร.02-530-2556 ต่อ 2300 , 2301