ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด โรงพยาบาลลาดพร้าว
1) ให้บริการด้านการส่งเสริม ป้องกันรักษา และฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางระบบต่างๆ ดังนี้ ระบบกระดูกและข้อ , ระบบประสาท , ระบบทางเดินหายใจ , ระบบหัวใจ และหลอดเลือดหลอดเลือด โดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู , นักกายภาพบำบัด และนักกิจกรรบำบัด
ทีมผู้ให้การรักษา ดังนี้
1) แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู , นักกายภาพบำบัด
2) ให้นักกิจกรรมบำบัด และนักอรรถบำบัด โดยให้การดูแลรักษาผู้ป่วยแบ่งเป็นประเภทต่างๆ
ในกลุ่มผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท ดังนี้
1) ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก , ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งท่อน , ผู้ป่วยอัมพาตทั้งตัว , ผู้ป่วยสูงอายุ เป็นต้น
2) แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเป็นผู้ประเมิน และสรุปปัญหา โดยรวมของผู้ป่วย ตั้งเป้าหมายในการรักษาร่วมกับบุคคลากรอื่นๆ ในทีมจะคอยติดตามรักษาประสานงาน เพื่อให้การทำงานของทีมที่เป็นไปอย่างราบรื่น
3) นักกายภาพบำบัดให้การรักษา ฟื้นฟู โดยการออกกำลังกาย , การฝึกนั่ง , ฝึกยืด , ฝึกเดิน โดยใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดร่วมด้วย อาทิเช่น ราวฝึกเดิน , บันไดฝึกเดิน , เตียงฝึกยืน , เครื่องฝึกการทรงตัวในท่ายืน , ถุงทราย เป็นต้น
4) นักกิจกรรมบำบัดให้การรักษาฟื้นฟู โดยการฝึกกิจกรรมประจำวัน เช่น การบริหารมือ , การบริหารนิ้ว , การฝึกกลืน เป็นต้น
ในกลุ่มผู้ป่วยโรคทางระบบกระดูก และกล้ามเนื้อ ดังนี้
1) ผู้ป่วยมีอาการปวดคอ , มีอาการปวดไหล่ , มีอาการปวดหลัง , มีอาการปวดเข่า , มีอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือโรคกระดูกเสื่อม ให้การรักษาโดยการใช้เครื่องมือไฟฟ้าต่างๆ
ให้การรักษา โดยการใช้เครื่องไฟฟ้า ดังนี้
1) การใช้เครื่องอัลตราซาวด์ และกระแสไฟฟ้า เพื่อทำให้ช่วยลดอาการปวด , ช่วยคลายกล้ามเนื้อ , ช่วยลดอาการอักเสบ และเพิ่มการไหลเวียนเของเลือด
2) การใช้เครื่อง (Short Wave Diathermy) เพื่อช่วยลดอาการปวด , ช่วยลดอาการอักเสบของเส้นเอ็น , ข้อต่อ และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
3) การใช้เครื่อง (High Power Laser) เพื่อช่วยลดอาการปวด , ลดอาการบวม , ลดอาการอักเสบของเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ โดยสามารถเห็นผลการรักษาตั้งแต่ครั้งแรก
4) การใช้เครื่อง (Shock Wave Therapy) เพื่อช่วยลดอาการปวด , ช่วยลสายพังผืดในกล้ามเนื้อ , เส้นเอ็น , ข้อต่อ โดยเฉพาะในระยะการอักเสบเรื้อรัง เช่น โรครองช้ำ (Plantar Fasciitis) , โรคเอ็นข้อศอกอักเสบ (Tennis Elbow) เป็นต้น
5) การใช้เครื่องดึงหลัง , ดึงคอ , เพื่อช่วยลดอาการทับเส้นประสาทภาวะกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อน
ในกลุ่มผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ดังนี้
1) ผู้ป่วยมีอาการปวด และบวม , ผู้ป่วยมีอาการหลอดลมอักเสบ ซึ่งมักเกิดในเด็ก และผู้สูงอายุ , ผู้ป่วยถุงลมโป่งพอง , ฝีในปอด และหลังการผ่าตัดช่องท้อง และทรวงอก เป็นต้น
2) ให้การรักษาโดยการเคาะปอด , การสั่นปอด , การดูดเสมหะ , การฝึกหายใจ , ฝึกไอ , การจัดท่าระบายเสมหะ และการออกกำลังกาย
ในกลุ่มผู้ป่วยโรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด ดังนี้
1) ผู้ป่วยโรคหัวใจ , ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ ให้การรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลัง และฝึกเคลื่อนย้ายตัวบนเตียง , การลุกนั่ง ฝึกยืน , ฝึกเดิน และการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้
2) (High Power Laser Therapy) : การรักษาด้วยเลเซอร์กำลังสูง เลเซอร์ (Laser) เป็นการรักษา ด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า
3) (Electromagnetic Wave) : เป็นลำแสงที่มีความถี่ และความยาวคลื่นเดียว โดยอาจเป็นลำแสงที่มีสีให้มองเห็นด้วยตาเปล่า หรือไม่ได้
4) ทุกคลื่นในลำแสงมีความพร้อมเพรียง ไม่มีกระจายของสำแสงด้วย เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถควบคุมกำกับให้เลเซอร์ ที่แม้จะมีกำลังสูงก็ไม่ก่อให้เกิดความร้อนที่ผิดหนัง และเนื้อเยื้อจนถึงขีดอันตรายตรงกันข้ามที่มีกำลังสูง ร่วมกับค่าความยาวคลื่นที่มาก
5) ทำให้เลเซอร์สามารถลงผ่านผิวหนังสู่เนื้อเยื่อในตำแห่งที่ลึกตามเป้าหมายได้อย่างแม่นยำกลไกลการทำงานของการรักษาด้วยเลเซอร์
เป็นลักษณะการปรับด้านชีวภาพ (Biomodulation) เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ 3 กลไกล ได้แก่
1) ผลทางเคมี
1.1) (Chemical Effect) : พบว่าเลเซอร์จะช่วยทำให้ระดับของสารก่ออาการอักเสบ
1.2) (Inflammatory Mediators) : สารตั้งต้นของอาการอักเสบ
1.3) (Proinflammatory Cytokines) : สารบางตัวทำให้ก่อสภาวะเครียดออกซิเดชั่น
1.4) (Oxidative Stress) : ในเซลล์ลดลงอีก
2) ผลจากความร้อน
2.1) (Thermal Effect) : เลเซอร์ทำให้เกิดการสั่นของอะตอมในเซลล์ ที่ส่งผลทำให้เพิ่มการขยายตัว และการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจน , สารอาหาร และสารกระตุ้นการเจริญเติบโต
2.2) (Growth Factor) : จะช่วยนำไปสู่ซ่อมแซมเนื้อเยื้อที่ดีขึ้น
3) ผลทางเชิงกล
3.1) (Mechanical Effect) : เลเซอร์ทำให้เกิดคลื่นแรงดันภายในเนื้อเยื้อ
3.2) (Elastic Pressure Wave) : ส่งผลทำให้เพิ่มการไหลเวียนของน้ำเหลือง , สามารถลดอาการบวดได้
เลเซอร์กำลังสูงสามารถรักษาโรคอะไรได้บ้าง?
1) กลุ่มแรก
1.1) โรคที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดทั้งหลายในระบบกล้ามเนื้อ , กระดูก ,ข้อต่อ , กล้ามเนื้อ , เส้นเอ็น , ไขข้อสันหลัง , บาดเจ็บอักเสบเคล็ดยอก
1.2) ทุกระยะของโรคทั้งเฉียบพลัน และกึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง ทั้งที่เป็นตามบริเวณ คอ , บ่า , ไหล่ , แขน , ศอก , มือ , หลัง , เอว , เข่า , เท้า , ยิ่งมีอาการบวมแดง , พกช้ำ ยิ่งได้ผลดี
1.3) เอ็นข้อศอก , เอ็นข้อมืออักเสบ
1.4) มีอาการนิ้วล็อก
1.5) เอ็นร้อยหวายอักเสบ
1.6) มีอาการพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ
1.7) มีอาการมือชาจากโรคอุโมงค์ข้อมือ
1.8) มีอาการข้อมือเสื่อมอักเสบ
1.9) มีอาการปวดเอว , มีอาการกล้ามเนื้อเอวอักเสบ
1.10) มีอาการปวดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาททั้งที่คอ และเอว
1.11) มีอาการปวดบวมอักเสบรอบแผลหลังการผ่าตัด
1.12) มีอาการปวดศรีษะที่มีสาเหตุมาจากความตึงตัวของกล้ามเนื้อคอ ท้ายทอย
2) กลุ่มที่สอง
2.1) มีอาการมือเท้าชาจากปลายเส้นประสาทอักเสบเนื่อยจากโรคเบาหวาน
2.2) มือเท้าชาจากปลายเส้นประสาทอักเสบเนื่องจากผลแทรกซ้อน จากยา , เคมีบำบัด
2.3) มีอาการปวดแขนขาในระยะฟื้นหลังจากอาการบาดเจ็บเส้นประสาท
2.4) มีอาการปวด และชาบริเวณกล้ามเนื้อยึดเกร็งในผู้ป่วยอัมพาตจาก โรคหลอดเลือดสมอง หรือจากการบาดเจ็บไขสันหลัง
2.5) มีอาการปวดประสาทจากเส้นปรสาทสมองคู่ที่ 5
2.6) มีอาการปวดประสาทจากโรคงูสวัด
3) กลุ่มที่สาม
3.1) แผลที่เกิดจากอาการบาดเจ็บ
3.2) แผลที่เกิดจากโรคเบาหวาน
3.3) แผลที่เกิดจากการกดทับ
3.4) แผลที่เกิดจากโรคหลอดเลือด เป็นต้น
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
- ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาบำบัด (อาคาร 3) ชั้น 4 โทร.02-530-2556 ต่อ 3420,3421